ข่าวสาร

The Mad World Of Creativity #2 : Japanese Modern Design Rebel Awakening : ‘ญี่ปุ่น’ ขบถแห่งโลกดีไซน์

งานออกแบบญี่ปุ่นเป็นที่รักในแวดวงดีไซน์ด้วยเสน่ห์เรียบง่ายและทรงพลัง แต่กว่าจะลงตัวด้วยรายละเอียดที่น้อยแต่มากนี้ ญี่ปุ่นถือเป็นขบถดีไซน์ที่มาก่อนกาล ผู้ฉีกกรอบของวัฒนธรรมแม่จากจีนด้วยการผสานบริบทของตนลงในชิ้นงานให้เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะฉบับญี่ปุ่น ผลงานที่ทรงอิทธิพลที่สุดต้องยกให้การแสดงออกถึงความโหดร้ายของธรรมชาติผ่านภาพทิวทัศน์สงบแบบจีน ญี่ปุ่นเลือกวาดพายุคลื่นโหมแรงที่ชาวจีนไม่กล้าแตะต้อง นำเสนอความเกรี้ยวกราดของสายลมและทะเล ซึ่งต่อมาภาพคลื่นยักษ์นี้ถูกไปพิมพ์ต่อยอดบนบล็อกไม้ไล่สี (Ukiyo-e) สุดโด่งดังในฐานะงานชิ้นเอกที่ได้ส่งอิทธิพลศิลปะญี่ปุ่นไปทั่วโลก แม้กระทั่ง Vincent Van Gogh ศิลปินอิมเปรสชั่นนิสต์ชื่อก้องโลกยังยอมรับว่า งานของเขาได้รับอิทธิพลจากศิลปะญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อย
 
ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น วงการศิลปะและออกแบบของญี่ปุ่นจึงมีศิลปินหัวขบถที่ปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ ต่อสู้เพื่อยกระดับงานออกแบบของญี่ปุ่นให้ก้าวล้ำอยู่เสมอ โดยส่วนใหญ่ยังคงบันดาลใจจากรากฐานศิลปะญี่ปุ่นดั้งเดิมทั้งความเรียบง่าย เส้นคมของเรขาคณิต และการใช้สีสัน หรือแสงสว่างอย่างชาญฉลาด ผสานกับความสดใหม่สุดสร้างสรรค์ของศิลปิน และนี่คือเหล่าขบถแห่งโลกดีไซน์จากแดนอาทิตย์อุทัยที่แผ่พลังสร้างอิทธิพลไปทั่วโลก
 
1. Yayoi Kusama : The Rebel Feminist Artist
 
ชีวิตสุดขบถของ Kusama เริ่มต้นด้วยภาพจิตรกรรมดั้งเดิม (Nihonga) แต่กลับหลงใหลในศิลปะนามธรรมฉบับอเมริกัน เธอโด่งดังด้วยลายโพลก้าดอทสุดแหวกแนว แต่เมื่อเริ่มมีชื่อเสียง เธอตัดสินใจย้ายไปยังนิวยอร์กเพื่อแสวงหาชีวิตเสรี แต่มหานครสุดเสรีนี้ไม่ได้ต้อนรับเธออย่างที่ควรจะเป็น เธอต้องต่อสู้ในฐานะคนเอเชียและเพศหญิง แม้จะได้รับการปฏิเสธผลงานนับครั้งไม่ถ้วน เธอยังคงใช้ศิลปะแสดงความขบถอยู่ตลอด อาทิ งาน Your Narcissism For Sale เธอขนลูกบอลกระจก 1,500 ลูกไปวางหน้างาน Venice Biennale 1966 และขายราคาถูกเพื่อบอกเล่าว่าใครๆ ก็เป็นเจ้าของงานศิลปะได้ และการเพนท์ร่างกายที่เปลือยเปล่าเพื่อร้องขอให้หยุดสงคราม เมื่อพ้นวัยทรงพลังเธอตัดสินใจกลับญี่ปุ่นเพื่อรักษาอาการป่วยทางจิต เลือกผันความทรมานให้เป็นงานศิลปะสีสันสดใสผืนใหญ่ ดังเช่นฟักทองลายจุดเส้นขยุกขยิกที่เราคุ้นเคยกันดี
 
2. Takashi Murakami : The Rebel God of Japanese Pop Art
 
งานของมุราคามิคือตัวอย่างของความขบถสุดล้ำ เขาผสานความโดดเด่นของงานมิติเดียวสไตล์ superflat แบนราบอันเป็นเอกลักษณ์ของภาพวาดญี่ปุ่น (Nihonga) เข้ากับสีสันสดใสสไตล์มังงะที่เป็นเอกลักษณ์ศิลปะญี่ปุ่นสมัยใหม่ เขามักใช้สีสันและลายเส้นน่ารักสดใสเพื่อซ่อนข้อความลับที่ต้องการสื่อสาร อาทิ Little Boy ภาพเด็กชายน่ารักที่ตั้งชื่อล้อเลียนปรมาณูในความทรงจำของชาวญี่ปุ่น และดอกไม้หน้ายิ้มอันโด่งดัง ทั้งสองงานมีจุดประสงค์เพื่อวิจารณ์ประวัติศาสตร์การเมืองในช่วงสงคราม ลายเส้นของมุราคามิพาให้ผู้คนสามารถเชื่อมโยงตนเองสู่ผลงานได้ง่าย งานของเขาจึงปรากฎอยู่บนสินค้าหลากแบรนด์หลายระดับ กลายเป็นศิลปะที่ทุกคนจับต้องได้อย่างแท้จริง
 
3. Rei Kawakubo : The Rebel Avant-garde Designer
.
จิตวิญญาณของคาวาคุโบะคือ การเขย่าบรรทัดฐานด้วยดีไซน์สุดล้ำ เธอมีความสนใจหลากหลายและใช้ความคิดสร้างสรรค์ไร้กรอบเป็นเป็นตัวขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นของ COMME des GARÇONS ที่ขบถต่อทุกดีไซน์ด้วยการฟอร์มรูปร่างมนุษย์ให้เป็นทรงใหม่ น้ำหอมกลิ่นยางไหม้ที่ทุกคนประหลาดใจ ไปจนถึงการออกแบบสถาปัตยกรรมอย่าง Dover Street Market ที่สร้างประสบการณ์แหวกแนวให้แก่ธุรกิจนี้อย่างน่าตื่นตะลึง ล่าสุด เธอร่วมงานกับ Louis Vuitton ทลายทุกกฏของกระเป๋าทรงสูงด้วยการเจาะรูขนาดใหญ่ พลังขบถสุดเฉียวฉลาดเหล่านี้ทำให้เธอติดอันดับ 500 ผู้นำแฟชั่นโลก และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับดีไซน์เนอร์รุ่นหลังข้ามซึกโลกอีกมากมาย อาทิ Ann Demeulemeester ดีไซน์เนอร์ชาวเบลเยี่ยม หนึ่งในสมาชิก Antwerp Six และเพื่อนร่วมงานอย่าง Martin Margiela รวมถึง Helmut Lang ดีไซน์เนอร์ชาวออสเตรเลียอีกด้วย
 
4. Issey Miyake : The Design-Innovative Rebel
 
ในขณะที่คาวาคุโบะนำเสนอดีไซน์หัวก้าวหน้าลุคเปรี้ยว Issey Miyake ปฏิวัติวงการดีไซน์ญี่ปุ่นด้วยำพลังแห่งเทคโนโลยี เขาเน้นใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อยกระดับชีวิตผ่านการออกแบบแฟชั่น ลายเซ็นของเขาอยู่ที่การผสมผสาน ‘ทรงเรขาคณิต’ หนึ่งในเอกลักษณ์หัวใจของงานออกแบบญี่ปุ่นเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความร้อนจับจีบผ้าให้เป็นทรงงดงาม และการใช้คุณสมบัติยืดหดของเส้นด้ายในการออกแบบกระเป๋าทรงสามเหลี่ยมอันโด่งดัง ไม่เพียงเฉพาะด้านแฟชั่น เขาใช้หัวขบถและประสบการณ์ด้านด้านการออกแบบร่วมบริหาร 21-21 Design Sight พิพิธภัณฑ์ดีไซน์แห่งแรกในญี่ปุ่นย่านรปปงหงิ ที่แรกและที่เดียวจัดแสดงงานออกแบบหมุนเวียนระดับโลกมากมาย
 
5. Tadao Ando : Truly Madly Rebelled Architect
 
สุดยอดของสถาปนิกผู้รู้ลึกซึ้งในความสัมพันธ์ของเรขาคณิตและบริบทของธรรมชาติ เขาเลือกที่จะขบถต่อการดีไซน์ที่อยู่อาศัยด้วยการลดองค์ประกอบของวัสดุ ที่ยังคงสร้างความตื่นตะลึงด้วยการใช้การเดินทางของแสงที่ตกกระทบฉากกั้นสร้างทรงต่างๆ งานชิ้นเอกที่เชื่อว่าคนดีไซน์ทั่วโลกต่างตบเท้าเดินทางไปชมได้แก่ “The Church of Light” ในจังหวัดอิบารากิ โบสถ์สีขาวเรียบง่ายที่เปิดให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสความมหัศจรรย์แห่งการออกแบบ เขาได้ใช้ธรรมชาติสร้างความตื่นเต้นด้วยช่องหน้าต่างที่เจาะให้แสงลอดผ่าน ทาบผนังขาวเป็นรูปไม้กางเขนที่งดงามสมบูรณ์แบบ แตกต่างและเปี่ยมเสน่ห์หนึ่งเดียว
 
close
0